ชำแหละ 4 ประเด็นร้อน “ลิเวอร์พูล” บุกโดน “ไบรจ์ตัน” ไล่เจ๊า

“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล บุกมาเสมอ ไบรจ์ตัน ไปแบบสุดเซ็ง 1-1 และนี่คือ 4 ประเด็นสำคัญที่ได้เห็นจากเกมนี้

1.วิลเลียมส์พังอีก-มินามิโนะน่าผิดหวัง

ถูกวิจารณ์อย่างหนักตั้งแต่เกมที่แพ้ อตาลันตา 0-2 ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ เพราะถือเป็นบ่อน้ำมันของทีมเลยก็ว่าได้ และเกมนี้ เนโก วิลเลียมส์ ก็ยังไม่สามารถยกระดับฟอร์มการเล่นของตัวเองขึ้นมาได้ ก่อความผิดพลาดทำฟาวล์ คอนนอลลี จนเสียจุดโทษ โชคดีที่ มัวเปย์ สังหารหลุดกรอบออกไป ส่วน ทาคูมิ มินามิโนะ ได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงในตำแหน่งกองกลาง แต่ก็ไม่สามารถสร้างความประทับใจได้ ถือว่า คลอปป์ ให้โอกาสสุดๆ แล้ว เพราะได้อยู่เต็ม 90 นาที แต่จากนี้ไปเขาอาจได้ลงสนามน้อยลงกว่าเดิม

2.หงส์แดงโดน VAR ทำพิษ

เป็นอีกครั้งที่ ลิเวอร์พูล โดนพิษ VAR เล่นงาน และเกมนี้โดนจัดไปเน้นๆ 3 ครั้ง เริ่มจากจังหวะแรก เกิดขึ้นในช่วงกลางครึ่งแรก นาทีที่ 20 เมื่อ โรแบร์โต เฟอร์มิโน จ่ายบอลทะลุขึ้นไปให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หลุดไปยิงตุงตาข่าย แต่ VAR เช็กว่า ซาลาห์ ล้ำหน้าไปแค่เพียงปลายเท้าเท่านั้น!! ส่วนจังหวะที่ 2 เกิดขึ้นในนาทีที่ 84 เมื่อ ซาดิโอ มาเน ขึ้นโหม่งเข้าไปตุงตาข่าย แต่ VAR เช็กว่า มาเน ล้ำหน้าไปก่อน!!! แค่นั้นยังไม่พอ ในช่วงทดเจ็บนาทีที่ 90+3 ลิเวอร์พูล มาเสียจุดโทษจากจังหวะที่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ทำฟาวล์ แดนนี เวลเบค ในเขตโทษ ทำให้ผู้ตัดสินต้องปรี่วิ่งไปดู VAR ที่ข้างสนาม และให้จุดโทษกับ ไบรจ์ตัน จนทำให้เจ้าถิ่นตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ

3.ไบรจ์ตันจบสกอร์กันแย่มาก

เกมนี้ถือว่า ไบรจ์ตัน เล่นไม่ได้เป็นรองลิเวอร์พูลเลย มีโอกาสมากมาย ไม่ว่าจะเป็น นาทีที่ 10 ซึ่ง มัวเปย์ จ่ายบอลจากกลางสนามทะลุไปให้ คอนนอลลี หลุดไปฉะตัวต่อตัวกับ อลิสสัน เบคเกอร์ แต่ คอนนอลลี ยิงหลุดเสาด้านขวาออกไปอย่างเหลือเชื่อ จากนั้นนาทีที่ 9 ไบรจ์ตันได้จุดโทษ แต่ มัวเปย์ ยิงหลุดเสาด้านขวาไปอีก!! ต่อด้วยนาทีที่ 33 ทรอสซาร์ด ได้ปั่นเน้นๆ บอลหลุดเสาด้านขวาอีกแล้ว!! ยังไม่พอ นาทีที่ 38 เวลเบค ซัดผ่านหน้าประตูออกไป พอไบรจ์ตันทำไม่ได้ก็เลยโดน ดิโอโก โชตา ซัดให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำในนาทีที่ 60 อย่างไรก็ตาม ไบรจ์ตัน มาได้จุดโทษ และเป็น กรอสส์ สังหารเข้าไป พาทีมไล่เจ๊าแบ่งแต้มไปได้

4.โชตา-ไวจ์นัลดุม สุดปัง

ฟอร์มยังฮอตเหมือนเดิมสำหรับ ดิโอโก โชตา แนวรุกของลิเวอร์พูล เกมนี้ซัดไปอีก 1 ประตู ทำให้ เขาซัดไปแล้ว 5 ประตูในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้ แถมการเล่นโดยรวมก็ถือว่าจี๊ดจ๊าดมากๆ การเคลื่อนที่ของเขานั้นเป็นเรื่องยากที่กองหลังจะตามประกบได้ แถมยังมีความเยือกเย็น ไม่ใจร้อนรีบยิง กระชากไปหาช่องสวยๆ ก่อนแล้วถึงจะตะบันเข้าไปตุงตาข่าย ส่วน จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม คือผู้ปิดทองหลังพระอย่างแท้จริง ทำงานหนักมากในแดนกลาง และยังมีส่วนร่วมกับจังหวะได้ประตูด้วย เพราะเป็นคนเชื่อมบอลไปให้ ซาลาห์ จ่ายต่อให้ โชตา ซัดเข้าไป