“ปิศาจแดง” จะลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ!!

ก่อนเปิดฉากพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020– 2021 หากมีใครพูดว่า “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะมีลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ในซีซันนี้ ก็จะโดนหัวเราะเยาะอย่างหนัก โดยเฉพาะกับแฟนบอล “เดอะ ค็อป” บางคนก็จะสวนกลับมาว่าลุ้นแชมป์ “ไทยลีก” หรือเปล่า ซึ่งก็พอเล่นไปในช่วงแรกๆ ก็เกือบจะเป็นในสิ่งที่สาวก “หงส์แดง” พูด เพราะ “ปิศาจแดง” นั้นฟอร์มย่ำแย่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินเหลือเกิน รั้งอยู่ในครึ่งล่างของตาราง จนมีกระแส โอเล กุนนาร์ โซลชา กุนซือชาวนอร์เวย์ โดนเด้งออกจากตำแหน่งนั้นแรงเหลือเกิน แต่จนแล้วจนรอด “น้าลูกอม” ก็รอดตายทุกครั้งไป

นับตั้งแต่จบเกมที่แพ้อาร์เซนอล 0-1 เป็นต้นมา “ปิศาจแดง” สะกดคำว่าพ่ายแพ้ไม่เป็นอีกเลย โดยไม่แพ้ใครมา 10 นัดติดต่อกันแล้ว ชนะ 7 ครั้งและเสมออีก 3 ครั้งด้วยกัน หลังจากจบเกมล่าสุดที่ “ปิศาจแดง” เปิดบ้านเชือด “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลลา 2-1 เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ก็ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ด ทำคะแนนขึ้นมาเทียบเท่ากับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จ่าฝูง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ลูกได้เสียเป็นรองทำให้รั้งรองจ่าฝูงแทน บอกได้เลยว่าการที่ “ปิศาจแดง” ขยับขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ เล่นเอากองแช่งก่อนหน้านี้ต้องสงบปากสงบคำกันไปพอสมควร ก็ต้องมาตามลุ้นกันในเกมนัดถัดไปที่ ลิเวอร์พูลจะออกไปเยือน เซาแธมป์ตัน ในคืนวันจันทร์นี้ (4 ม.ค.) ถ้าหาก “หงส์แดง” พลาดท่าทำได้แค่เสมอหรือแพ้ แล้วแมนฯยูไนเต็ดเก็บชัยชนะเหนือเบิร์นลีย์ นัดตกค้างในวันที่ 12 ม.ค. ก็จะทำให้ “ปิศาจแดง” ขึ้นนำแบบเดี่ยวๆ

ถ้ามองย้อนกลับไปถือว่า โอเล กุนนาร์ โซลชา พา “ปิศาจแดง” มาได้ไกลจริงๆ แต่จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียว เพราะขุมกำลังของแมนฯยูไนเต็ด นั้นก็แข็งแกร่งไม่ได้แพ้ทีมยักษ์ใหญ่ทีมอื่นๆในลีก ไม่ว่าจะเป็น บรูโน แฟร์นันเดส, ปอล ป็อกบา, มาร์คัส แรชฟอร์ด, แอนโธนีย์ มาร์กเซียล, แฮร์รี แมคไกวร์, เอดินสัน คาวานี, ดอนนี ฟาน เดอ เบค หรือ ดาวิด เด เคอา

อย่างไรก็ตาม นี่เพิ่งแค่ 16 นัดก็ยังคงตัดสินอะไรไม่ได้นัก เกมยังต้องดูกันอีกยาวๆ แต่ “ปิศาจแดง” ชั่วโมงนี้บอกได้เลยว่าความมั่นใจมาเต็ม เจอทีมไหนก็ได้เลยชั่วโมงนี้บอกได้เลยว่าเกม “ศึกแดงเดือด” วันที่ 17 ม.ค.นี้ต้องห้ามพลาด เพราะบอกได้เลยว่าถ้า “หงส์แดง” ชนะก็น่าจะหยุดความร้อนแรงของแมนฯ ยูไนเต็ดลงได้ แต่ถ้า “ปิศาจแดง” สามารถโค่น ลิเวอร์พูลลงได้ก็ขยับขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบเต็มตัว ความฝันที่จะกลับมาชูถ้วยอีกครั้งคงไม่ไกลเกินฝันของบรรดาสาวก “เรด เดวิลส์” อีกครั้ง