ฝันที่เป็นจริง! อาร์เจนตินา แม่นเป้ากว่า ดับฝรั่งเศสคว้าถ้วยเวิลด์คัพไปครอง

สนาม : อัล ธูมาม่า

ศึกการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 นัดสุดท้ายรอบชิงชนะเลิส เกมนี้เตะกันในคืนวันที่ 18 ธันวาคม ที่ผ่านมาเป็นการพบกันของยอดทีมอย่าง อาร์เจนติน่า พบกับแชมป์เก่า ฝรั่งเศส

เกมนี้เปิดฉากมาได้แค่ 5 นาที อาร์เจนตินา ก็ได้ทักทายก่อนเลย อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ได้ยิงไกลลุ้นประตู แต่บอลยังไม่ผ่านมือของ อูโก โยริส นายด่านตราไก่เซฟไว้ได้

นาทีที่ 17 โรดรีโก้ เดอ ปอล เติมเกมขึ้นมาทางฝั่งขวา ก่อนที่จะออกบอลต่อให้ อังเคล ดิ มาเรีย ได้ลองส่องโล่งๆ ทว่าน่าจะไปโดนใต้บอลเลยเหินข้ามคานไปแบบหมดลุ้น

นาทีที่ 22 อาร์เจนตินา ได้เปรียบก่อน เมื่อ ดิ มาเรีย พาบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษแล้วโดน อุสมาน เดมเบเล่ เสียบล้มลง กลายเป็นจุดโทษ แล้วเป็นทาง ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันทีมยิงซัดเข้าไป อาร์เจนตินา นำก่อน 1-0

นาทีที่ 36 ทัพฟ้า-ขาว ก็ออกนำห่างไปอีก เมสซี่ จ่าบอลออกขวาให้ แม็ค อัลลิสเตอร์ หลุดขึ้นมาโล่งๆ แล้วจ่ายทำทางให้ ดิ มาเรีย วื่งเข้ามาแปเข้าประตูไปอย่างสวยงาม อาร์เจนตินา นำ 2-0

จบครึ่งเวลาแรก อาร์เจนตินา นำ ฝรั่งเศส อยู่ 2-0

ครึ่งหลังเริ่มมาจนนาทีที่ 59 อาร์เจนตินา ก็ยังมีลุ้นอีกลูก ดิ มาเรีย แทงบอลทะลุช่องให้ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ วิ่งหลุดมายิงด้วยซ้าย แต่ก็ไม่ผ่านมือของ โยริส

นาทีที่ 71 คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ พาบอลลากขึ้นมาด้วยตัวเองแล้วยิงด้วยขวาที่หน้ากรอบเขตโทษ แต่บอลแรงลอยข้ามคานออกไป

นาทีที่ 80 ฝรั่งเศส ก็เริ่มมีกำลังใจเมื่อ นิโคลัส โอตาเมนดี้ ไปทำฟาวล์ใส่ โคโล่ มูอานี่ ล้มในกรอบเขตโทษ ก่อนที่จะกลายเป็นจุดโทษแล้วเป็น เอ็มบั๊ปเป้ ที่รับบทสังหารเข้าไปไม่เหลือ ฝรั่งเศส ตามมาเป็น 1-2

ดราม่าบังเกิดในนาที 82 มาร์คัส ตูราม จ่ายบอลเร็วให้ เอ็มบั๊ปเป้ วิ่งหลุดเดี่ยวเข้าไปแล้วแปด้วยขวา บอลไปโดนมือของ มาร์ติเนซ ที่พุ่งปัดไว้แล้ว แต่ก็ไม่พ้นอันตรายเข้าประตูไป ฝรั่งเศส ตามตีเสมอได้เป็น 2-2

จบครึ่งเวลาที่สองทั้งคู่ยังเสมอกันที่ 2-2 ทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษไปอีก

นาทีที่ 105+1 อาร์เจนตินา เกือบได้ประตูนำห่าง เลาตาโร่ มาร์ติเนซ เกี่ยวบอลในกรอบเขตโทษได้แล้วลากไปยิงจ่อๆ แต่มันไปเข้าข้างตาข่ายแทน

นาทีที่ 109 อาร์เจนตินา ทำสำเร็จ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงติดเซฟของ โยริส แต่บอลไม่พ้นทางปืนก่อนที่จะเป็น เมสซี่ ที่ได้กดซ้ำจ่อๆ เข้าประตูไป อาร์เจนตินา นำไปเป็น 3-2

เกมยังคงไม่จบลงง่ายๆ นาทีที่ 117 เอ็มบั๊ปเป้ ได้ซัดจากนอกกรอบ แต่บอลดันไปโดนแจนของ เลอันโดร ปาเรเดส ทำให้กลายเป็นลูกจุดโทษในทันที ก่อนที่จะเป็น เอ็มบั๊ปเป้ เจ้าเก่าซัดเข้าประตูไป กลายเป็นสกอร์ตีเสมอ 3-3

จบช่วงเวลาพิเศษต้องไปตัดสินกันที่ลูกจุดโทษ ซึ่งผลก็จบลงตรงที่ อาร์เจนตินา ยิงได้แม่นยำกว่าทำให้เอาชนะไปด้วยด้วยสกอร์ 4-2 ส่งผลให้เป็นแชม์โลกสมัยที่ 3 ต่อจากปี 1978 และ 1986

รายชื่อนักเตะที่ลงสนาม

อาร์เจนตินา (4-4-2) : เอมิเลียโน่ มาร์ตีเนซ – นาอวล โมลีน่า, คริสเตียน โรเมโร่, นิโกลัส โอตาเมนดี้, นิโคลัส ตาเกลียฟิโก้ – โรดรีโก้ เด ปอล, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ – อังเคล ดิ มาเรีย (มาร์กอส อคุนย่า น.64), ลิโอเนล เมสซี่, ฮูเลียน อัลวาเรซ 

ฝรั่งเศส (4-2-3-1) : อูโก้ โยริส – ฌูลส์ กุนเด้, ราฟาแอล วาราน, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, เตโอ แอร์กน็องเดซ (เอดูอาร์โด้ กามาวิงก้า น.71) – โอเรเลียง ชูอาเมนี่, อาเดรียง ราบิโอต์ – อุสมาน เดมเบเล่ (โคโล่ มูอานี่ น.41), อองตวน กรีซมันน์ (คิงส์เลย์ โกมัน น.71), คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (มาร์คัส ตูราม น.41)