มองไม่เห็นอนาคต วิเคราะห์ 3 เหตุผล “โรนัลโด” ช็อกแฟน “แมนยูฯ” ขอย้ายทีม

วิเคราะห์ 3 เหตุผลสำคัญที่ทำให้ คริสเตียโน โรนัลโด ทำร้ายจิตใจแฟนบอลแมนยูฯ ด้วยการขออำลาทีมดังพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันที่ 3 กรกฎาคม 2565 ไทยรัฐสปอร์ต วิเคราะห์ 3 เหตุผลที่ทำให้ คริสเตียโน โรนัลโด ยอดดาวยิงทีมชาติโปรตุเกส เตรียมย้ายหนี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังมีข่าวจากสื่อทุกสำนักในเมืองผู้ดีว่าอาจโบกมือลาสโมสรชั้นนำแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นครั้งที่ 2 ในตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์นี้

1. แมนยูฯ ไม่ได้ไปเล่น ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก

– “ซีอาร์เซเว่น” เหลือสัญญากับ “ปิศาจแดง” อีกเพียง 1 ปี แต่ฤดูกาล 2022-23 ที่จะถึงนี้ แมนยูฯ กลับไม่ได้โควตาไปเล่น ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก หลังจากจบซีซั่นที่แล้วเพียงแค่อันดับ 6 ของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตีตั๋วได้ไปเพียงแค่ ยูโรปาลีก ซึ่งสวนทางกับความทะเยอทะยานของดาวยิงวัย 37 ปี ที่ต้องการลุ้นความสำเร็จรายการใหญ่ให้มากที่สุดในช่วงปลายชีวิตการค้าแข้ง

2. โรนัลโด ไม่มั่นใจว่า แมนยูฯ จะกลับมาลุ้นแชมป์ในอนาคตอันใกล้นี้

– ผลงานอันน่าผิดหวังของ “ปิศาจแดง” ในฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งนอกจากจะพลาดโควตาถ้วยใหญ่ของยุโรปแล้ว ยังไม่ใกล้เคียงกับการได้ลุ้นแชมป์แม้แต่รายการเดียว โดย ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ตกรอบ 16 ทีม, เอฟเอ คัพ จอดป้ายรอบ 4 และ ลีกคัพ จบเส้นทางตั้งแต่รอบ 3 ทำให้เจ้าตัวชวดแชมป์ครั้งแรกในรอบ 17 ปี นับตั้งแต่ปี 2005 สมัยร่วมงานกับ แมนยูฯ รอบแรก

แม้ แมนยูฯ จะดึง เอริก เทน ฮาก จาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่ แต่ก็ไม่มีอะไรที่เป็นหลักประกันให้กับ โรนัลโด ได้ว่าสโมสรจะกลับมาคว้าแชมป์อีกครั้ง หลังจากไม่ประสบความสำเร็จทุกรายการมานาน 5 ปี ซึ่งหนล่าสุดที่มีถ้วยติดมือ คือ ฤดูกาล 2016-17 ที่ได้ทั้งแชมป์ยูโรปาลีก และ ลีกคัพ ในยุคของ โชเซ มูรินโญ

3. การเสริมทัพในตลาดนักเตะของ แมนยูฯ ล่าช้ากว่าคู่แข่งร่วมศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

– แม้ โรนัลโด จะไม่มีปัญหากับ เอริก เทน ฮาก ผู้จัดการทีมคนใหม่ แต่การที่ แมนยูฯ ยังไม่สามารถเซ็นสัญญากับผู้เล่นหน้าใหม่ๆ เข้ามาเสริมทีมได้แม้แต่คนเดียวในตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์นี้ ทั้งที่มีข่าวกับแข้งดังมากหน้าหลายตา เช่น เฟรงกี เดอ ยอง, คริสเตียน อีริคเซน, ไทเรลล์ มาลาเซีย, แอนโทนี, ลิซานโดร มาร์ติเนซ และอื่นๆ อีกมากมาย ส่งผลต่อความเชื่อมั่นว่า “ปิศาจแดง” จะกลับมาประสบความสำเร็จได้จริงๆ หรือ

ขณะที่คู่แข่งร่วมศึกพรีเมียร์ลีก ต่างก็นำหน้า แมนยูฯ ไปแล้วหลายก้าว ทั้ง “แชมป์เก่า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่ปรับร่วมเมืองที่ได้ เออร์ลิง ฮาแลนด์ อาวุธหนักในแดนหน้า, คัลวิน ฟิลลิปส์ กองกลางตัวแทน แฟร์นันดินโญ และ สเตฟาน ออร์เตกา ผู้รักษาประตูมือ 2 รวมถึง ลิเวอร์พูล ที่เร่งเสริมทัพทั้ง ดาร์วิน นูเญซ, ฟาบิโอ คาร์วัลโญ และ คัลวิน แรมซีย์ อีกทั้งยังต่อสัญญา โมฮาเหม็ด ซาลาห์ สำเร็จแล้ว

ไม่เพียงเท่านั้น กลุ่มม้ามืดที่พร้อมท้าทายบัลลังก์อย่าง สเปอร์ส ก็ยังเสริมไปแล้ว 4 ราย (อิวาน เปริซิช, เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์, อีฟส์ บิสซูมา, ริชาร์ลิสัน) เช่นเดียวกับ อาร์เซนอล ที่ได้สมาชิกใหม่ 4 คนเช่นกัน (ฟาบิโอ วิเอรา, แมตต์ เทอร์เนอร์, มาร์ควินญอส, กาเบรียล เชซุส) ผิดกับ แมนยูฯ ที่ยังไม่มีข่าวดีว่าสามารถปิดดีลแข้งใหม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว

อย่างไรก็ตาม 3 เหตุผลที่กล่าวมานี้อาจเป็นเพียงกลยุทธ์ของฝั่ง คริสเตียโน โรนัลโด ที่ต้องการดูปฏิกิริยาของ แมนยูฯ ว่าจะมีความกระตือรือร้นแค่ไหนในการกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ หรือใกล้เคียงกับภาพ “ปิศาจแดง” ที่มีการเล่นประทับใจแฟนๆ เหมือนเช่นยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานกุนซือผู้นำถ้วยแชมป์ 38 ใบมาสู่สโมสร แต่หากยังไร้สัญญาณที่ดีขึ้นกว่าปัจจุบัน เห็นที “ซีอาร์เซเว่น” อาจถึงคราวอำลา “โรงละครแห่งความฝัน” และไม่ได้มาโชว์ตัวในศึก “แดงเดือดในไทย” 12 กรกฎาคมนี้ ก็เป็นได้.