ลิเวอร์พูล เกมสะดุด 2 นัดติด บุกไปเสมอ นิวคาสเซิล ในศึกพรีเมียร์ลีก

ลิเวอร์พูล หาทางเจาะประตู นิวคาสเซิล อยู่หลายครั้ง แต่ได้แค่หวาดเสียว ก่อนลงเอยด้วยผลเสมอ นำ แมนยูฯ ในศึกพรีเมียร์ลีกแบบไม่ห่าง

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2020-2021 คู่สุดท้ายประจำนัดที่ 16 นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด อันดับ 15 มี 18 คะแนน เปิดสนามเซนต์ เจมส์ พาร์ค ต้อนรับการมาเยือนของ “แชมป์เก่า” ลิเวอร์พูล จ่าฝูงที่มี 32 คะแนน

เกมนี้ เยอร์เกน คลอปป์ กุนซือ “หงส์แดง” ทีมเยือนปรับทัพ 2 ตำแหน่งจากเกมล่าสุดที่เปิดบ้านเสมอ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน 1-1 โดยส่ง นาธาเนียล ฟิลลิปส์ ปราการหลังดาวรุ่งลงมาคุมเกมรับร่วมกับ ฟาบินโญ แทน โจเอล มาติป ที่เจ็บกล้ามเนื้อ

ขณะที่ เจมส์ มิลเนอร์ เด็กเก่า “สาลิกาดง” ที่เพิ่งหายเจ็บก็กลับมาออกสตาร์ตเป็นตัวจริง โดยลงมาแทน จอร์จินโย ไวจ์นัลดุม อีกหนึ่งนักเตะที่กลับมาเยือนถิ่นเก่าซึ่งเกมนี้สลับไปเริ่มต้นที่ข้างสนาม ส่วน ติอาโก อัลคันทารา มิดฟิลด์ทีมชาติสเปนที่เจ็บเข่ามาตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม ก็กลับมามีชื่อเป็นตัวสำรองด้วย ด้านเจ้าถิ่น นิวคาสเซิล เกมนี้ สตีฟ บรูซ ผู้จัดการทีมเปลี่ยนแค่ 1 ตำแหน่ง โดยส่ง คัลลัม วิลสัน ที่ได้พักในเกมบุกไปแพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-2 ลงมาล่าตาข่าย พร้อมปรับแผนมาใช้ระบบ 3-4-3 โดยให้ โชเอลินตอน กับ จาค็อบ เมอร์ฟี ทำเกมฝั่งขวาและฝั่งซ้าย

เริ่มเกมไม่ถึง 2 นาที “สาลิกาดง” เกือบได้ประตูขึ้นนำ เมื่อ วิลสัน ได้บอลริมเส้นฝั่งขวาก่อนหลอกยิงกะให้เสียบใต้คาน แต่ อลิสสัน เบคเกอร์ ยังถอยกลับไปปัดข้ามคานได้ทัน จากนั้นนาทีที่ 6 แม็ตต์ ริตชี เปิดฟรีคิกให้ วิลสัน ได้โหม่งสะบัดไปที่เสาไกล แต่บอลผ่านหน้าประตูออกไปอีก นาทีที่ 12 นิวคาสเซิล ที่ออกสตาร์ตได้ดีผิดหูผิดตาเกือบได้ประตูอีกครั้งจากความยอดเยี่ยมของ วิลสัน ที่เลี้ยงลุยฝ่าแนวรับ “หงส์แดง” บริเวณเขตโทษด้านซ้ายก่อนตัดสินใจยิงมุมแคบเอง แต่ก็ยังติดเซฟของ อลิสสัน

คัลลัม วิลสัน มีโอกาสลุ้นให้ นิวคาสเซิล ขึ้นนำก่อนในช่วงต้นครึ่งแรกถึง 3 ครั้ง

นาทีที่ 34 ลิเวอร์พูล มีโอกาสสร้างความหวาดเสียวให้เจ้าถิ่นบ้าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน วางบอลให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปยิงแบบเดี่ยวๆ แต่ คาร์ล ดาร์โลว์ ยังออกมาปิดมุมได้เร็วและยื่นมือขวาปัดบอลออกหลังไปได้แบบหวุดหวิด ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก ทีมเยือนเกือบเป็นฝ่ายได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ ซาดิโอ มาเน เก็บบอลได้บริเวณกรอบเขตโทษด้านซ้ายแล้วกระดกเข้ากลางให้ โรแบร์โต ฟีร์มิโน โขกเต็มหัว แต่ ดาร์โลว์ ยังโชว์ซุปเปอร์เซฟปัดออกหลังได้อย่างหวุดหวิด จบ 45 นาทีแรกยังเสมอ 0-0

กลับมาลุยต่อในครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล เริ่มครองบอลได้เหนือกว่าและหาจังหวะเข้าทำเป็นระยะ นาทีที่ 54 เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดลูกเตะมุมจากฝั่งขวาให้ มาเน โฉบมาโหม่งที่เสาแรก แต่บอลก็ยังไปเข้าข้างตาข่าย “หงส์แดง” มีโอกาสที่น่าได้ประตูอย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 66 ฟีร์มิโน พาบอลลุยฝ่าดงผู้เล่น “สาลิกาดง” จากกลางสนามก่อนจ่ายให้ ซาลาห์ แต่งหลอกกองหลังหนึ่งทีแล้วแปเล่นทาง แต่บอลก็ถากเสาออกไป 2 นาทีต่อมา ดาร์โลว์ ออกมาตัดบอลจากลูกเตะมุมไม่เจอ แต่ ฟีร์มิโน ก็ยังโหม่งหลุดกรอบไปอีก

เยอร์เกน คลอปป์ ส่ง ติอาโก อัลคันทารา ลงมาแก้เกมให้ ลิเวอร์พูล ในครึ่งหลัง แต่ก็ไม่เป็นผล

นาทีที่ 78 นิวคาสเซิล ที่โดนกดดันอยู่นานได้จังหวะตอบโต้จากฟรีคิกของ แม็ตต์ ริตชี ที่เปิดเข้าไปให้ เคียแรน คลาร์ก โขกกดลงพื้น บอลทำท่าจะเสียบเสาไกล แต่ อลิสสัน ยังล้มตัวเซฟได้อย่างจวนเจียน 3 นาทีให้หลัง ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูเหมือนกันจากบอลชุลมุนหน้าประตู แต่ ฟาเบียร แชร์ ยังเคลียร์ออกไปได้ทัน ก่อนที่ มาเน จะตามซ้ำจ่อๆ นาทีที่ 88 “หงส์แดง” น่าได้ประตูแบบสุดๆ เมื่อ ฟีร์มิโน ขึ้นโหม่งลูกเตะมุมแบบเน้นๆ แต่ ดาร์โลว์ ยังล้มตัวเซฟไว้ได้ ซาลาห์ พยายามจะตามซ้ำระยะเผาขน แต่ก็หวดบอลไม่โดน เวลาที่เหลือ ลิเวอร์พูล ไม่สามารถเจาะตาข่าย นิวคาสเซิล จบเกมเสมอกันไป 0-0 แบ่งแต้มทีมละ 1 คะแนน “หงส์แดง” เก็บเพิ่มเป็น 33 คะแนน ยังรั้งจ่าฝูงต่อไป แต่นำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่แข่งน้อยกว่า 1 นัดอยู่ 3 แต้ม ส่วน “สาลิกาดง” มี 19 คะแนน ขึ้นมาอยู่อันดับ 14