อังกฤษหืดจับ!! ซัดชัยช่วงต่อเวลาพิเศษผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ

การแข่งขันในศึกฟุตบอลยูโร 2020 รอบรองชนะเลิศ ระหว่าง อังกฤษ ลงสนามพบกับ เดนมาร์ก เกมนี้ อังกฤษ ลงเล่นในระบบ 4-2-3-1 และทางด้าน เดนมาร์ก มาสู้ในระบบ 3-4-3

เกมเริ่มมาได้ 13 นาที อังกฤษได้ทักทายก่อน

จากจังหวะของ แฮร์รี่ เคน ไหลบอลเรียดออกมาทางฝั่งซ้ายให้กับ ราฮีม สเตอร์ลิง โยกหลบ อันเดรียส คริสเตนเซ่น หาเหลี่ยมยิงในเขตโทษ แต่โดนไม่ดีบอลพุ่งเบาไปเข้าซอง แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล นายทวารโคนม

ไฮไลท์ฟุตบอล

นาทีที่ 16 จอร์แดน พิคฟอร์ด พลาดท่าเกือบเสียประตู

จากจังหวะของ จอร์แดน พิคฟอร์ด ออกบอลพลาดมาถูก มิคเคล ดัมส์การ์ด ดักบอลได้หน้ากรอบเขตโทษจ่ายออกมาด้านซ้าย มาร์ติน เบรธเวท ได้ช่องยิงไปแฉลบแข้งอังกฤษออกหลังไปแบบหวุดหวิด

นาทีที่ 25 เดนมาร์ก ได้ตอบโต้บ้าง

จากจังหวะของ มิคเคล ดัมส์การ์ด เลี้ยงบอลเข้ามาในเขตโทษ ก่อนบรรจงปั่นบอลด้วยขวาแต่บอลยังโค้งไม่พอออกข้างกรอบประตูทางขวาแบบได้เสียว

นาทีที่ 30 โคนม มาได้ประตูขึ้นนำจนได้ 

จากจังหวะลูกฟรีคิกของ มิคเคล ดัมส์การ์ด ระยะประมาณ 25 หลาเยื้องมาด้านซ้าย บอลพุ่งข้ามกำแพง ก่อนฮุบผ่านมือ จอร์แดน พิคฟอร์ด ซุกตาข่ายเข้าไปอย่างสวยงาม เดนมาร์ก ขึ้นนำ 0-1

นาทีที่ 38 แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ยังยืนตำแหน่งได้ดี

จากจังหวะของ แฮร์รี่ เคน รับบอลอยู่บริเวณหน้ากรอบเขตโทษก่อนจะใช้ตัวบังบอลแล้วจ่ายเรียดเข้ากลาง ราฮีม สเตอร์ลิง วิ่งมาซัดเต็มข้อ แต่ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ยังช่วยเซฟออกไปได้อย่างเหลือเชื่อ

ไฮไลท์ฟุตบอล
นาทีที่ 39 ซิมง เคียร์ พลาดทำเข้าประตูตนเอง

จากจังหวะของ แฮร์รี่ เคน จ่ายบอลทะลุช่องไปให้ บูคาโย่ ซาก้า ลากพาขึ้นมาก่อนปาดบอลเข้าเขตโทษ ราฮีม สเตอร์ลิง วิ่งมากดดันจน ซิมง เคียร์ ต้องสไลด์เคลียร์บอลพลาดเสยเพดานตาข่ายฝั่งตนเองเข้าไป อังกฤษ ไล่ตีเสมอ 1-1

จบครึ่งแรก อังกฤษ เสมอกับ เดนมาร์ก ไปได้ 1-1 รูปเกมทั้งสองทีมยังเปิดเกมสู้กันได้อย่างสูสี แต่จะเป็นทางฝั่ง อังกฤษ ที่บุกกดดันได้ดีกว่า ต้องมาติดตามลุ้นกันต่อในช่วงครึ่งเวลาหลัง

นาทีที่ 52 เดนมาร์ก พยายามเร่งเครื่อง

จากจังหวะของ โยอาคิม เมห์เล่ ส่งบอลต่อไปให้ แคสเปอร์ โดลเบิร์ก วิ่งมาจับบอล ก่อนยิงตรงบริเวณหัวกระโหลก แต่ จอร์แดน พิคฟอร์ด ยังทิ้งตัวปัดไว้ได้

นาทีที่ 59 อังกฤษ ยังตั้งเกมของตัวเองไม่ได้

จากจังหวะของ ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก จ่ายบอลเรียดมาให้ มาร์ติน เบรธเวท หลอกข้ามบอลเลยมาหา แคสเปอร์ โดลเบิร์ก ได้ช่องยิงแต่บอลยังพุ่งไปเข้ามือ จอร์แดน พิคฟอร์ด นายทวารสิงโตคำรามรับเอาไว้ได้ไม่ยาก

นาทีที่ 64 อังกฤษ ได้ลุยขึ้นมาบ้าง

จากจังหวะของ ราฮีม สเตอร์ลิง จ่ายบอลเข้ามาให้ บูคาโย่ ซาก้า แตะบอลยาวแต่กลายเป็นดีบอลเลยมาเข้าทาง เมสัน เมาท์ เก็บบอลได้ก่อนจะยิงทางฝั่งซ้ายของเขตโทษ บอลเข้ากรอบแต่ก็ยังไปเข้าซอง แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล รับเอาไว้ได้ไม่ยาก

ไฮไลท์ฟุตบอล

นาทีที่ 73 อังกฤษ เกือบมีโชคช่วย

จากจังหวะของ แฮร์รี่ เคน เปิดบอลออกมาทางขวาบอลถึง เมสัน เมาท์ ก่อนเปิดเข้ากลางแต่ไปโดนปลายเท้า โยอาคิม เมห์เล่ เปลี่ยนทางบอลจะมุดเสียบตาข่าย แต่เป็น แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ยังไวพุ่งปัดทิ้งไปได้หวุดหวิด

นาทีที่ 90+5 จังหวะลุ้นสุดท้ายของ อังกฤษ

จากจังหวะลูกฟรีคิกริมสนามทางฝั่งขวาของ เมสัน เมาท์ เปิดบอลโค้งเข้าในมาให้ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ได้ขึ้นโหม่งบอลเน้น ๆ แต่บอลยังไปเข้ามือ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล นายด่านโคนมรับไว้ได้ไม่ยาก

จบเกม 90 นาที ทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่ 1-1 ต้องต่อเวลาอีก 30 นาที เพื่อหาทีมผู้ชนะเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศต่อไป

นาทีที่ 94 อังกฤษ พยายามโหมบุกกดดันตั้งแต่เริ่มช่วงต่อเวลาพิเศษ

จากจังหวะของ แฮร์รี่ เคน วิ่งโฉบตัดหน้า ยานนิค เวสเตอร์การ์ด ในเขตโทษทางขวา ก่อนยิงเร็วบอลพุ่งไปตรงตัว แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ยังเซฟช่วยทีมไว้ได้อีกหน

นาทีที่ 98 แจ็ค กรีลิช เกือบได้สวมบทฮีโร่

จากจังหวะของ ฟิล โฟเด้น ไหลบอลมาให้ แจ็ค กรีลิช หน้ากรอบเขตโทษก่อนลองปั่นโค้งด้วยขวาบอลยังพุ่งไปตรงตัว แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล นายด่านเดนมาร์ก ทุบทิ้งออกหลังไปได้หวุดหวิด

ไฮไลท์ฟุตบอล
แต่แล้วนาทีที่ 104 เป็น อังกฤษ ที่ได้เฮดัง

จากจังหวะของ ราฮีม สเตอร์ลิง กระชากบอลขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งขวาก่อนจะหลุดเข้าไปในเขตโทษโดน โยอาคิม เมห์เล่ เข้าสกัดล้มลงผู้ตัดสินเป่าชี้จุดโทษพร้อมเช็ควีเออาร์ ยืนยันคำตัดสินเดิม ก่อนจะเป็น แฮร์รี่ เคน รับหน้าที่สังหารจากความกดดันทำให้ยิงทีแรกไปติดเซฟของ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ก่อน แฮร์รี่ เคน จะวิ่งเข้ามาตามซ้ำส่งบอลตุงตาข่ายเข้าไปไม่เหลือ อังกฤษ ขึ้นนำ 2-1

นาทีที่ 120 แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล วันนี้เล่นได้อย่างเหนียวหนึบ

จากจังหวะของ แฮร์รี่ เคน ไหลบอลมาให้ ราฮีม สเตอร์ลิง ลากบอลลุยเจาะเข้าเขตโทษทางด้านขวา ก่อนยิงมุมแคบ แต่ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ยังโชว์เซฟได้อีกครั้ง 

จบเกม อังกฤษ เอาชนะ เดนมาร์ก ไปได้ 2-1 รูปเกมเป็นทางฝั่ง อังกฤษ ที่บุกดดันได้ดีกว่าทำให้มาได้ประตูเพิ่มในช่วงต่อเวลาพิเศษ ส่งผลให้ อังกฤษ ทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ รอไปพบกับ อิตาลี ที่สนามเวมบลีย์ สเตเดี้ยม วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคมต่อไป