“เรือใบสีฟ้า” แมนเซสเตอร์ ซิตี้ พร้อมลุ้นแชมป์ลีก

สุดเซอร์ไพร์ “เรือใบสีฟ้า” จากเริ่มเกมอยู่ท้ายตาราง แต่ปลายเกมขึ้นมาครองจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก พร้อมลุ้นแชมป์

มองไปเป็นหัวตารางพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020­-2021 ในตอนนี้เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีการเซอร์ไพรส์เมื่อหัวตารางเต็มไปด้วยบรรดาทีมตัวเต็งแชมป์ไม่ว่าจะเป็น “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล

จะมีแปลกตาหน่อยก็คงไม่พ้น “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่พุ่งขึ้นมารั้งหัวตารางช่วงสั้นๆและขอเอี่ยวในการลุ้นแชมป์ด้วยเช่นกัน ส่วนเลสเตอร์ ซิตี้ จะบอกว่าแปลกตาก็คงไม่ใช่ เพราะ 2 ปีที่ผ่านมา “จิ้งจอกสยาม” ภายใต้การคุมทีมของเบรนแดน ร็อดเจอร์ส ก็เกาะอยู่หัวแถวเรื่อยๆ แม้ว่าจบฤดูกาลหล่นมาอยู่ที่ 5-6 ก็ตาม

แต่สิ่งไม่น่าเชื่อก็คือการที่ “เรือใบสีฟ้า” จะกลับขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูงได้อย่างรวดเร็วแบบนี้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ช่วงเปิดซีซัน แมนฯซิตี้ ฟอร์มร่วงอย่างหนักโดยช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนยังอยู่ในอันดับที่ 13 ของตารางอยู่เลย

บอกตามตรงตอนนั้นหลายคนก็แอบคิดว่า แมนฯ ซิตี้ จะไหวหรือเปล่าในซีซันนี้ เพราะปัญหา ของเป๊ป กวาร์ดิโอลา นายใหญ่ชาวกระทิงดุตอนนี้ คือแนวรุกไม่คมปืนฝืดแบบสุดๆแถมแนวรับ ก็ยังรั่วเสียประตูง่าย ก็ต้องยอมรับใจของเป๊ป ที่ค่อยๆปั้นทีมขึ้นมาเรื่อยๆจนทีมกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง โดยเฉพาะแนวรับที่เมื่อ รูเบน ดิอาส ปราการหลังค่าตัวแพงทีมชาติโปรตุเกสสามารถปรับตัวเข้ากับสไตล์การเล่นของบอลอังกฤษได้อย่างรวดเร็วจน กลายเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งที่สุดในลีกตอนนี้อีกราย นอกจากดิอาสที่เล่นได้เหนียวแน่นแข็งแกร่งแล้วอีกรายที่เล่นได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กันนั่นก็คือ จอห์น สโตนส์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟชาวผู้ดี

หากก่อนหน้านี้สาวก “เรือใบสีฟ้า” ถ้าเห็นรายชื่อของสโตนส์ อยู่ใน 11 ตัวจริงแทบทุกคนถึงกับส่ายหน้า

เพราะปราการหลังวัย 26 ปีได้สถาปนาตัวกลายเป็นบ่อน้ำมันเป็นที่เรียบร้อยยืนยังไงก็รั่วจนเป็นจุดอ่อนของ “เรือใบสีฟ้า” ยามเมื่อเขาลงสนาม แต่ในซีซันนี้กลับไม่น่าเชื่อเมื่อสโตนส์ทรานส์ฟอร์มตัวเองจากปราการหลังบ่อน้ำมันกลายเป็นบ่อเพชรที่ยากจะเจาะเขา ยิ่งได้จับคู่กับ ดิอาสแล้ว กลายเป็นตอนนี้แนวรับ “เรือใบสีฟ้า” แข็งแกร่งที่สุดในลีกก็ว่าได้ นอกจากแนวรับที่เป็นปัญหาแนวรุกก็ฝืดเช่นกัน ทั้งราฮีม สเตอร์ลิง ปีกทีมชาติอังกฤษ, กาเบรียล เชซุส ดาวยิงชาวแซมบ้า และริยาด มาห์เรซ ปีกทีมชาติแอลจีเรีย ชั่วโมงนั้นเรียกได้ว่าฟอร์มฝืดแบบสุดๆ แต่สุดท้ายเป๊ปก็ค่อยๆปรับจูนปรับเปลี่ยนตำแหน่งจนกลับมาโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมอีกครั้ง ใครจะไปคิดว่าจากอันดับที่ 13 ของตารางเมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนใช้เวลาเพียงแค่ 2 เดือน แมนฯซิตี้กลับมาผงาดขึ้นไปนั่งแท่นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกแบบหล่อๆ โดยมีแต้มนำหน้ารองจ่าฝูงอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึง 4 คะแนน เท่านั้นยังไม่พอยังแข่งน้อยกว่า 1 นัด ลองคิดดูหาก “เรือใบสีฟ้า” เก็บชัยชนะในเกมนัดตกค้างได้ก็จะกลายเป็นนำ 7 แต้มเลยทีเดียว

“เรือใบสีฟ้า” ลำนี้ที่หมดไฟแล่นไปทางไหนก็หลงทาง แต่ตอนนี้ “เรือใบสีฟ้า” ลำเดิมที่ได้เติมไฟและติดเครื่องเดินหน้าไล่ล่าแชมป์จนผงาดขึ้นมารั้งจ่าฝูงในที่สุด และยังไม่มีทีท่าว่า “เรือใบ” ลำนี้จะหยุด หรือสะดุดเลย ดีไม่ดีการติดเครื่องครั้งนี้อาจจะวิ่งทีเดียวจนถึงเป้าหมาย (แชมป์พรีเมียร์ลีก) เลยก็ว่าได้