เอฟเอคัพ แชมป์สมัยแรกของ จิ้กจอกสยาม นับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร

การแข่งขันในศึกฟุตบอล เอฟเอ คัพ ระหว่าง เชลซี พบกับ เลสเตอร์ ซิตี้ โดยเตะกันที่สนามกลางอย่าง เวมบลีย์ เกมนี้เจ้าบ้านลงเล่นในระบบ 3-4-2-1 และทางด้านทีมเยือนมาสู้ในระบบ 3-4-2-1

เขี่ยบอลเริ่มมาได้ 17 นาที เลสเตอร์ได้ลุ้นก่อน

จากจังหวะของ ติโมธี คาสตาญ เปิดบอลโค้งเข้ามาให้ เจมี่ วาร์ดี้ ได้วางเท้ายิงด้วยขวาแต่บอลยังไปติดบล็อคของแนวรับสิงห์บลูส์ออกไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 20 โซยุนซู ได้โอกาสลุ้นทำประตู

จากจังหวะลูกฟรีคิกทางฝั่งขวาหน้ากรอบเขตโทษของ ยูริ ตีเลมันส์ เปิดบอลเข้ามาให้ ซากลาร์ โซยุนชู สอดเข้ามาโขกบอลเหินข้ามคานออกไปแบบได้เสียว

นาทีที่ 23 เชลซีตอบโต้ขึ้นมาบ้าง 

จากจังหวะของ เมสัน เมาน์ท เลี้ยงบอลหนีแนวรับจิ้งจอกก่อนจะได้ช่องซัดไปติดบล็อคออกไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 30 สิงห์บลูส์ เดินหน้าทำเกมบุกต่อเนื่อง

จากจังหวะลูกเตะมุมของ เมสัน เมาน์ท เปิดบอลเข้ามา ติอาโก้ ซิลวา โหม่งชงต่อมาให้ ติโม แวร์เนอร์ ขึ้นโหม่งบอลหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 39 จังหวะนี้เจ้าบ้านน่าจะได้ประตูขึ้นสุด ๆ

จากจังหวะของ ฮาคิม ซิเย็ค ทำเกมขึ้นมาทางฝั่งขวาก่อนหักเข้ากลางแล้วจ่ายต่อมาให้ ติโม แวร์เนอร์ หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษยิงมุมแคบแต่ยังไปติดต โฟฟาน่า บอลมาเข้าทาง แวร์เนอร์ อีกครั้งตามไปซ้ำอีกทีแต่ โฟฟาน่า ยังตามไปขวางไดทันอีกครั้ง

นาทีที่ 42 เลสเตอร์ ได้ลุ้นจากลูกตั้งเตะ

จากจังหวะลูกฟรีคิกทางด้านซ้ายของ ตีเลมันส์ เปิดบอลเข้ามาในกรอบให้ ซากลาร์ โซยุนชู ได้ขึ้นโหม่งบอลหลุดเสาแรกออกไปอย่างน่าเสียดาย

จบครึ่งแรก ทั้งสองทีมยังทำอะไรกันไม่ได้ เชลซี ยังเสมอกับ เลสเตอร์ ซิตี้ 0-0 รูปเกมถือว่าจะเปิดเกมสู้กันได้อย่างสูสี ผลัดกันรับผลัดกันรุกอยู่ตลอดแต่ยังเจาะเข้าพื้นที่สุดท้ายได้น้อย ต้องมาลุ้นกันต่อในช่วงครึ่งหลัง

นาทีที่ 53 สิงห์บลูส์ โหมบุกกดดันหวังทำประตูขึ้นนำ

จากจังหวะของ จอร์จินโญ่ จ่ายบอลทะลุช่องไปให้ ก็องเต้ เปิดบอลเข้าไปเสาไกลให้ มาร์กอส อลอนโซ่ ถอยไปโหม่งทำให้บอลเบาก่อนลอยไปเข้ามือ คาสเปอร์ ชไมเคิ่ล รับเอาไว้ได้ไม่ยาก

นาทีที่ 63 เลสเตอร์ ซิตี้ ยิงเข้ากรอบหนแรกได้ประตูขึ้นนำทันที

จากจังหวะของ รีซ เจมส์ เปิดบอลไปติด อโยเซ่ เปเรซ ก่อนที่ ลุค โธมัส จะเก็บบอลได้แล้วจ่ายเข้ากลางให้ ยูริ ตีเลมันส์ แต่งบอลก่อนซัดไกลระยะประมาณ 30 หลาบอลพุ่งแรงหนีมือ เกป้า เสียบสามเหลี่ยมเข้าไปอย่างสวยงาม เลสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นนำ 0-1

นาทีที่ 68โธมัส ทูเคิ่ล แก้เกมทันที 

ทูเคิ่ล ตัดสินใจเลือกใช้ คริสเตียน พูลิซิช และเบน ชิลเวลล์ ลงไปเล่นแทน ฮาคิม ซิเย็ค และมาร์กอส อลอนโซ่ และในขณะเดียวกัน เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เลือกส่ง เจมส์ แมดดิสัน ลงไปเล่นแทน เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ 

นาทีที่ 78 เชลซี เกือบมาได้ประตูตีเสมอ

จากจังหวะของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เปิดบอลมาเสาสองให้ เบน ชิลเวลล์ ได้ขึ้นโหม่งบอลตกพื้นกระดอนเกือบเบียดเสาเข้าแต่ยังเป็น คาสเปอร์ ชไมเคิ่ล ที่โชว์ซูเปอร์เซฟพุ่งปัดออกหลังไปแบบหวุดหวิด

นาทีที่ 87 ชไมเคิ่ล ยังโชว์เซฟไว้ได้อีกครั้ง

จังหวะของ เมสัน เมาน์ท เก็บตกบอลในกรอบเขตโทษก่อนได้โอกาสซัดเต็มข้อบอลพุ่งตรงกรอบ แต่ ชไมเคิ่ล ยังปัดทิ้งออกไปได้อีกครั้ง

นาทีที่ 89 หลังจากบุกอยู่นาน เชลซี เอาจนได้

จากจังหวะของ ติอาโก้ ซิลวา เปิดบอลยาวตัดหลังให้ เบน ชิลเวลล์ หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนจะยิงบอลไปโดน เวส มอร์แกน เปลี่ยนทาง ผ่านมือ คาสเปอร์ ชไมเคิ่ล ซุกก้นตาข่ายเข้าไปไม่เหลือ แต่ผู้ตัดสินได้เช็ก วีเออาร์ แต่ ชิลเวลล์ ยืนล้ำหน้าไปก่อนทำให้ชวดได้ประตูตีเสมอสกอร์ยังเป็น เลสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นนำ 1-0

จบเกม เชลซี แพ้ให้กับ เลสเตอร์ ซิตี้ ไป 0-1 ส่งผลให้ จิ้กจอกสยาม คว้าถ้วย เอฟเอคัฟ สมัยแรกของสโมสร ถึงแม้ว่าเกมนี้ เชลซี จะครองบอลและสร้างจังหวะเข้าทำได้ดีกว่า แต่ต้องชมแนวรับ เลสเตอร์ ที่เล่นกันได้อย่างมีวินัย 

เกมนัดถัดไปของ เชลซี พบกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2021 และทางด้าน เลสเตอร์ ซิตี้ พบกับ เชลซี ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2021