เฮนโด้ฮีโร่ ซาลาห์มีสกอร์! ลิเวอร์พูลหืดจับรัวแซงมิลานสุดมันส์ซิวชัย เปิดหัวชปล.

“หงส์แดง” ของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ หวิดงานเข้าทั้งที่รูปเกมดีกว่าแต่จบครึ่งแรกกลายเป็นฝ่ายตามหลังสุดท้ายได้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ซัดประตูชัยสุดงามพาทีมรัวแซง เอซี มิลาน 3-2 เก็บชัยนัดประเดิมสนามสำเร็จ ในศึก ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี คืนวันพุธที่ผ่านมา

การแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก คืนวันพุธที่ 15 กันยายน ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล ของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ เปิดสนามแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ เอซี มิลาน สเตฟาโน่ ปิโอลี่ เทรนเนอร์ชาวอิตาลี

เปิดฉากครึ่งแรก 3 นาที “หงส์แดง” ทักทายก่อนจากบอลทางซ้ายของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แหวกขึ้นมาได้ช่องตบเข้าเขตโทษให้ ดิว็อค โอริกี้ ตั้งเท้าชาร์จแต่โดนหนาบอลหปลิ้นผ่านหน้าประตูหลุดออกหลัง 2 นาทีต่อมา เจ้าถิ่น สุดคึกคราวนี้เป็น ดีโอโก้ โชต้า พาบอลเข้าเขตโทษดึงจังหวะล็อคหนี ฟร้องค์ เกสซีเย่ ก้มหน้าตะบันด้วยซ้ายไปติดเท้า ฟิกาโย่ โทโมริ เปลี่ยนทางหลุดออกหลังนิดเดียว ลิเวอร์พูล พับสนามบุกอยู่ข้างเดียวจากจังหวะเตะมุมทางฝั่งขวา เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ปั่นบอลโค้งไปเสาไกลเข้าหัว โฌเอล มาติ๊ป ลอยมาโขกแต่ไม่หนีตัว ไมค์ เมนญอง ผวาไปรับไว้ได้ทัน แต่แล้วนาทีที่ 9 ลิเวอร์พูล ทะยานออกนำ 1-0 จนได้จากลูกจ่ายของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แทงช่องให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ สอดขึ้นมาพาแหวกเข้าเขตโทษได้ช่องตบเข้าในไปแฉลบบล็อค ฟิกาโย่ โทโมริ เปลี่ยนทางข้ามหัว ไมค์ เมนญอง ตุงตาข่าย นาทีที่ 13 “หงส์แดง” พลาดโอกาสทอง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ขยับเติมเกมรุกสอดเข้าเขตโทษซัดบอลไปติดแขน อิสมาเอล เบนนาเซอร์ ผู้ตัดสิน ไม่รอช้าเป่าเป็นจุดโทษทันทีแต่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ สังหารไปติดเซฟ ไมค์ เมนญอง ปัดออกมาเข้าทาง ดีโอโก้ โชต้า โขกซ้ำอีกรอบก็ยังไม่ผ่านมือนายด่านชาว ฝรั่งเศส 30 นาทีผ่านจากบอลทางฝั่งซ้าย แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ป้ายเร็วเข้าในให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ข้ามหลอกปล่อยให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปั่นด้วยซ้ายหน้ากรอบ 18 หลาพุ่งหาสามเหลี่ยมติดปลายมือ ไมค์ เมนญอง ผวาปัดทิ้งนิดเดียว นาทีที่ 42 กลายเป็น “ปีศาจแดงดำ” ยิงเข้ากรอบครั้งแรกเป็นประตูตีเสมอ 1-1 ทันที อเล็กซิส ซาเลอมาแกร์ส เก็บบอลแหวกลุยขึ้นมาดีดให้ ราฟาเอล เลเอา แทงช่องเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายถึง อันเต้ เรบิช เอียงตัวซัดผ่าน อลีสซง เบ็คเกอร์ ตุงตาข่าย นาทีต่อมา เอซี มิลาน แซงนำเป็น 2-1 อย่างเหลือเชื่อ ราฟาเอล เลเอา กระชากกินแดนหนีแนวรับ ลิเวอร์พูล ได้ช่องป้ายออกซ้ายให้ อันเต้ เรบิช ตบเข้ากรอบ 6 หลาถึง เตโอ แอร์กน็องเดซ ซัดโล่งๆไปติด แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ตามมาช่วยสกัดไว้บนเส้นแต่ไม่พ้น บราฮิม ดิอาซ ซ้ำเข้าไปไม่เหลือ หมดครึ่งเวลาแรก ลิเวอร์พูล ตามหลัง เอซี มิลาน 1-2

กลับมาต่อครึ่งหลังเริ่มไม่ถึงนาที เอซี มิลาน หวิดบวกสกอร์เพิ่มจากลูกสูตรเตะมุมทางซ้าย เตโอ แอร์กน็องเดซ ขยับมาครอสเข้าเขตโทษแฉลบ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เลยมาเสาไกลเข้าทาง ไซม่อน เคียร์ ชาร์เข้าไปเสียดายโดนจับ ล้ำหน้า ไปก่อนแล้ว แต่แล้วนาทีที่ 48 “หงส์แดง” ตีเสมอเป็น 2-2 อย่างรวดเร็วจากจังหวะหน้าเขตโทษ ดิว็อค โอริกี้ รับบอลทำชิ่งจาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก่อนยกข้ามแนวรับ เอซี มิลาน คืนให้ ซาลาห์ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปดีดด้วยซ้ายผ่าน ไมค์ เมนญอง ซุกก้นตาข่าย 60 นาทีผ่านรูปเกมเป็นของ ลิเวอร์พูล เหมือนเดิมเร่งเครื่องหาประตูชัยได้เสียวเพิ่มจากจังหวะหลุดเข้าไปดีดมุมแคบของ นาบี เกอิต้า และลูกยิงไกลของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แต่ยังไม่ผ่านมือ ไมค์ เมนญอง 9 นาทีต่อมา เจ้าถิ่น แซงออกนำเป็น 3-2 จนได้จากลูกเตะมุมทางฝั่งขวาแนวรับ เอซี มิลาน โขกสกัดไม่ขาดบอลย้อนมาหน้ากรอบ 18 หลาเข้าทาง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ตวัดด้วยขวาตามน้ำโค้งผ่านมือ ไมค์ เมนญอง เสียบโคนเสางามหยด ท้ายเกม เอซี มิลาน มาส่งท้ายจากจังหวะเตะมุมบอลโค้งมาเสาแรกถึง ไซม่อน เคียร์ ทิ้งตัวโขกเปลี่ยนทางไปเสาไกลแต่ยังเบาไม่หนีตัว อลีสซง เบ็คเกอร์ ล้มตัวรับเอาไว้ได้ไม่พลาด หลังจากนั้นทั้งสองทีมไม่มีสกอร์เพิ่ม จบเกม ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเอาชนะ เอซี มิลาน 3-2 แบบหืดจับ

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนามตัวจริง

ลิเวอร์พูล อลีสซง เบ็คเกอร์ (GK), เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, โฌเอล มาติ๊ป, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (เจมส์ มิลเนอร์ น.84), ฟาบินโญ่, นาบี เกอิต้า (ติอาโก้ อัลคันตาร่า น.71), โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน น.84), ดีโอโก้ โชต้า (เคอร์ติส โจนส์ น.71), ดิว็อค โอริกี้ (ซาดิโอ มาเน่ น.63)

เอซี มิลาน ไมค์ เมนญอง (GK), ดาวิเด้ คาลาเบรีย, ฟิกาโย่ โทโมริ, ไซม่อน เคียร์, เตโอ แอร์กน็องเดซ, ฟร้องค์ เกสซีเย่, อิสมาเอล เบนนาเซอร์ (ซานโดร โตนาลี่ น.71), อเล็กซิส ซาเลอมาแกร์ส (อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่ น.62), บราฮิม ดิอาซ, ราฟาเอล เลเอา (โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ น.62), อันเต้ เรบิช (ดาเนียล มัลดินี่ น.83)