แมนซิตี้เครื่องร้อน! บุกยำไบรท์ตันขึ้นรองฝูง-บีบหงส์ต้องชนะแดงเดือด

“เรือใบ” แมนฯ ซิตี้ เก็บสามแต้มตามคาดหวัง แถมแนวรุกดุดัน “ฟิล โฟเด้น” มีชื่อพังสองเม็ด บุกถล่ม “นกนางนวล” ไบรท์ตัน 4-1 ขยับรั้งรองจ่าฝูง กดดัน ลิเวอร์พูล จำเป็นต้องชนะเกมแดงเดือดกับ แมนยู เท่านั้น ถึงทวงตำแหน่งคืนได้ ในการแข่งขันศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันเสาร์ที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา

การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันเสาร์ที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่สนาม ดิ เอเม็กซ์ คอมมิวนิตี้ สเตเดี้ยม “เรือใบ” แมนฯ ซิตี้ จำเป็นต้องชนะไว้ก่อนหากหวังแซง ลิเวอร์พูล นั่งรองฝูง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จัดหนักเกมรุกใส่สามประสาน “เชซุส,กรีลิช,โฟเด้น” แม้พัก “เดอ บรอยน์” นั่งสำรอง เยือนถิ่น “นกนางนวล” ไบรท์ตัน ที่ซีซั่นนี้ผลงานดีเกินคาด แถมถ้าพวกเขาเฮแต้มทาบอันดับสองเช่นกัน เกรแฮม พอตเตอร์ วาง “เลอันโดร ทรอสซาร์” เป็นทีเด็ดเกมนี้   

ออกสตาร์ทเกมครึ่งแรกเรือใบทักทายตั้งแต่ 7 นาทีแรก ชูเอา กันเซโล่ รับบอลก่อนป้ายออกทางซ้าย แจ็ค กรีลิช จ่ายบอลย้อนคีนมาที่ฟูลแบ็กฝอยทอง ตะบันตรงเส้นกรอบเขตโทษ บอลเรียดหวิดเสียบเสาแรก ทว่ายังติดมือ โรเบิร์ต ซานเชซ ปัดออกหลัง นาทีที่ 11 อิลคาย กุนโดกัน แทงบอลเร็วไปที่ กาเบรียล เชซุส หลุดเข้าเขตโทษด้านขวาโยกหลอกแข้งเจ้าบ้าน พร้อมยิงแหวกนายทวารคู่แข่ง บอลกำลังจะซุกตาข่าย ลูอิส ดังค์ ถอยมาเคลียร์จากเส้นประตูทันเวลา แต่แล้วอีกสองนาที ฟิล โฟเด้น ยิงบอลเต็มแรงชนตัวแนวรับเจ้าถิ่น โรเบิร์ต ซานเชซ เทคตัวจะเก็บบอล ทว่ามี กาเบรียล เชซุส เบียดแย่งจนเสียจังหวะ แบร์นานโด้ ซิลวา หันหลังตวัดบอลระยะ 6 หลา ก่อนเป็น อิลคาย กุนโดกัน จิ้มจ่อเผาขน แม้ผู้เล่นนกนางนวลประท้วง เชิ้ตดำฟังวีเออาร์ แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยน พาเรือใบ เฮก่อน 1-0 เข้าช่วงยี่สิบนาที ฟิล โฟเด้น จ่ายบอลไปที่ แจ็ค กรีลิช หาเหลี่ยมซัดในเขตโทษด้านซ้าย บอลโดนเกมรับเจ้าบ้านขวางกระฉอกมาหา กาเบรียล เชซุส ทางขวาจับบอลแล้วยิงเร็ว แต่เจอ โรเบิร์ต ซานเชซ ทิ้งตัวเซฟได้อีกครา แปดนาทีต่อมา ทีมเยือนขยับสกอร์หนีเป็น 2-0 จากจังหวะของแบร์นานโด้ ซิลวา ไหลบอลวงกลมกลางสนามทิ้งไปให้ แจ็ค กรีลิช สอดหลุดกับดักล้ำหน้า ก่อนจิ้มบอลในเขตโทษออกมาที่ ฟิล โฟเด้น วิ่งตีคู่ด้านกราบขวา กระทุ้งบอลเป็นสกอร์ นาทีที่ 31 แชมป์เก่าลีกผู้ดีฉีก 3-0 จากจังหวะ กาเบรียล เชซุส แตะบอลหลบแข้งเจ้าบ้านหน้ากรอบเขตโทษ ทิ่มบอลเรียด แจ็ค กรีลิช หวดทางเสาแรกโดน โรเบิร์ต ซานเชซ แหย่เท้าป้องกัน ทว่าบอลกลับเป็นใจให้ กาเบรียล เชซุส ซัดแฉลบ ฟิล โฟเด้น บอลปลิ้นชนตัวนายด่านเจ้าถิ่นซุกตาข่ายทางซ้าย ท้ายครึ่งแรกนาทีที่ 43 ยาคุบ โมลเดอร์ ส่งบอลเข้ากลาง โซโลมอน มาร์ช ส่องไกล 25 หลาบอลแรงทำ เอแดร์ซอน โมราเอส รับหลุดมือยังดีบอลไม่ตรงกรอบเจ้าตัวตามเก็บทัน ส่วนฝั่งเรือใบ ฟิล โฟเด้น สบโอกาสยิงแต่ถูกมือกาวนกนางนวลเหินตัวรับ หมด 45 นาที แมนฯ ซิตี้ นำสบาย 3-0

ครึ่งหลังนาทีที่ 55 เลอันโดร ทรอสซาร์ หยอดบอลริมกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายข้ามมาให้ ปาสกาล กรอสส์ เกี่ยวบอลลงแล้วหมุนตัวยิง บอลตรงตัว เอแดร์ซอน โมราเอส อยู่ถูกที่ย่อตัวตะครุบ เลอันโดร ทรอสซาร์ ลองส่องนอกกรอบอีกครั้ง ทว่าบอลยังไม่สำเร็จผล นายทวารเรือใบยืนไม่เหม่อป้องกันช่วยทีมได้อีกครั้งสามนาทีถัดมา นาทีที่ 61 เจ้าถิ่นน่าตีตื้น อีน็อค เอ็มเวปู จ่ายบอลสั้น ยาคุบ โมลเดอร์ ป้ายเรียดเร็วมาที่ เลอันโดร ทรอสซาร์ ตะบันเต็มเหนี่ยวทางซ้ายในเขตโทษ นายทวารทีมเยือนล้มตัวเคลียร์ บอลลอดแขน แต่ยังลอยออกหลังไป ช่วงท้ายเกมนาทีที่ 79 เจ้าบ้าน ไล่ตามมาเป็น 1-3 จาก อดัม ลัลลาน่า ไหลบอลฝากไปที่ ยาคุบ โมลเดอร์ จ่ายยัดเสี่ยงเข้าเขตโทษ อีน็อค เอ็มเวปู ปรี่มาถูก เอแดร์ซอน โมราเอส คว้าเท้าล้มไป กรรมการชี้จุดโทษ อเล็กซิส แม็ค อลิสเตอร์ ตัวสำรองสังหารติดมือนายด่านคู่แข่งแต่น้ำหนักบอลทำซุกตาข่ายอยู่ดี  เรือใบเกือบบวกสกอร์เพิ่มนาทีที่ 90 เป็น 4-1 เมื่อ เควิน เดอ บรอยน์ แทงบอลทะลุแนวรับเจ้าถิ่น ก่อนที่ ฟิล โฟเด้น แตะบอลเข้าระยะ 6 หลา ซัดหวังทำแฮตทริก แต่โดน โรเบิร์ต ซานเชซ ออกมาบล็อกขัดขวางสตาร์ทีมเยือน แต่ยังไซะ ริยาด มาห์เรซ จัดการประตูที่สีปิดแมตช์ จบเกม แมนฯ ซิตี้ บุกชนะ ไบรท์ตัน 4-1 ขยับรั้งรองจ่าฝูง กดดัน ลิเวอร์พูล จำเป็นต้องชนะเกมแดงเดือดกับ แมนยู เท่านั้น ถึงทวงตำแหน่งคืนได้ 

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

ไบรท์ตัน : โรเบิร์ต ซานเชซ (GK),โจเอล เวลท์แมน, ลูอิส ดังค์, แดน เบิร์น (ทาริก แลมป์ตีย์ น.57), มาร์ค คูคูเรลล่า, ปาสกาล กรอสส์ (อเล็กซิส แม็ค อลิสเตอร์ น.72), ยาคุบ โมลเดอร์, อดัม ลัลลาน่า, โซโลมอน มาร์ช, เลอันโดร ทรอสซาร์, นีล โมเปย์ (อีน็อค เอ็มเวปู น.58)

แมนฯ ซิตี้ : เอแดร์ซอน โมราเอส (GK), ไคล์ วอล์คเกอร์, รูเบน ดิอาส, อายเมอริก ลาป๊อร์ก, ชูเอา กันเซโล่, แบร์นานโด้ ซิลวา, โรดี้,อิลคาย กุนโดกัน (แฟร์นานดินโญ่ น.74), กาเบรียล เชซุส (ริยาด มาห์เรซ น.87), แจ็ค กรีลิช (เควิน เดอ บรอยน์ น.77), ฟิล โฟเด้น