โซลซา เก้าอี้ร้อน!! หงส์แดง บุกมาถล่มไปแบบขาดลอย 0-5 เละคารังโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

การแข่งขันศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก บิ๊กแม็ตช์ ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงสนามพบกับ ลิเวอร์พูล เกมนี้เจ้าบ้านลงเล่นในระบบ 4-2-3-1 และทางด้านผู้มาเยือนมาสู้ในระบบ 4-3-3

เกมดำเนินมาได้ 4 นาที เจ้าบ้านได้ทักทายก่อน 

จากจังหวะตัดเกมได้ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จ่ายบอลจากทางฝั่งซ้ายเข้ากลางมาให้ เมสัน กรีนวู้ด ปาดบอลออกขวา บอลถึง บรูโน่ แฟร์นันด์ส ซัดเน้น ๆ แต่บอลเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 5 ลิเวอร์พูล มาได้ประตูขึ้นนำจนได้

จากจังหวะของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ รับบอลก่อนจะจ่ายเข้าเขตโทษต่อไปให้ นาบี เกอิต้า หลุดเดี่ยวเข้าไปแปเรียดง่าย ๆ บอลผ่าน ดาบิด เด เคอา เข้าประตูไปไม่เหลือ ลิเวอร์พูล ออกนำ 0-1

นาทีที่ 14 หงส์แดง ใช้โอกาสไม่เปลือง

จากบอลวางยาวทางฝั่งซ้ายเข้ามาให้ นาบี เกอิต้า หน้าปากประตูได้ช่องไหลออกทางขวาให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เติมขึ้นมาปาดเรียดมาหน้าประตูก่อนจะเป็น ดีโอโก้ โชต้า สไลด์ตัวยิงจ่อ ๆ เข้าไปไม่พลาด ลิเวอร์พูล นำห่าง 0-2

นาทีที่ 23 ปีศาจแดง ขึงเกมรุกเอาไว้ต่อเนื่อง

จากจังหวะของ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ จ่ายบอลขึ้นไปทางฝั่งซ้ายให้ ลุค ชอว์ ได้ลองกดเน้นจากริมเขตโทษบอลเฉี่ยวเสาไกลออกไปแบบได้เสียว

นาทีที่ 28 อลิสซง ยังไม่พลาด

จากจังหวะของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส จ่าสบอลมาให้ เมสันกรีนวู้ด ก่อนจะลองพลิกหาช่องยิงจากหน้าเขตโทษด้านขวาบอลพุ่งตรงกรอบ แต่ อลิสซง ยังบินปัดทิ้งออกไปได้หวุดหวิด

นาทีที่ 32 แมนยู เกือบพลาดโดนเม็ดที่สาม

จากจังหวะของ มาร์คัส แรชฟอร์ด จ่ายบอลคืนหลังจากกลางสนาม แต่พลาดกลายเป็นถูก ซาลาห์ ตัดไปได้กระชากต่อเข้าเขตโทษด้านขวาหลุดเดี่ยวก่อนยิงมุมแคบแต่ก็ยังไปเซฟ เด เคอา ที่ออกมาบล็อคได้ไว

นาทีที่ 37 โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เงียบกริบ

จากจังหวะของ โม ซาลาห์ ได้วางเท้ายิงเน้น ๆ บอลไปแฉลบ แม็กไกวร์ บอลหลุดไปถึง เกอิต้า ที่เติมขึ้นมาทางฝั่งขวาก่อนจะปาดตั้งกลับเข้ามาให้ โม ซาลาห์ วิ่งมายิงด้วยขวาจ่อ ๆ เข้าไปไม่พลาด ลิเวอร์พูล ทิ้งห่าง 0-3

นาทีที่ 45+1 เกมเริ่มเดือด

จากจังหวะของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ไหลบอลเข้าเขตโทษทางฝั่งขวามาให้ โรนัลโด้ หลุดเข้าไปยิง แต่ อลิสซง ยังออกมาบล็อคได้ทัน ก่อนจะเป็น เคอร์ติส โจนส์ ตามไปเก็บตกแถวมุมธงแล้วถูก โรนัลโด้ แสดงอารมณ์หงุดหงิดเข้าทำฟาวล์จน โจนส์ ล้มลง แถมยังไปเตะบอลอัดใส่ โจนส์ ที่ล้มคร่อมบอลอยู่ ผู้ตัดสินให้ใบเหลืองทันท่

นาทีที่ 45+5 เจ้าบ้านแนวรับผิดพลาดสกอร์ไหล

จากจังหวะของ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ไหนบอลไปให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ยืนรออยู่ทางฝั่งขวาแบบโล่ง ๆ ซัดส่งบอลเข้าไปไม่เหลือ ลิเวอร์พูล นำโด่ง 0-4

จบครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามหลัง ลิเวอร์พูล อยู่ที่ 0-4 รูปเกมเป็นทางฝั่งทีมเยือนที่เล่นกันได้อย่างดุดันกว่าและสร้างปัญหาให้แนวรับเจ้าบ้านได้ตลอด ยังคงต้องติดตามลุ้นในช่วง 45 นาทีหลัง

นาทีที่ 50 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซัดแฮตทริกในศึกแดงเดือด

จากจังหวะของ พอล ป็อกบา พลาดเล่นช้าโดน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ตัดบอลได้กลางสนามก่อนจะจ่ายจังหวะเดียวขึ้นหน้าไปให้ โม ซาลาห์ หลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษด้านขวายิงผ่านมือ เด เคอา เข้าไปไม่เหลือ ลิเวอร์พูล ทิ้งห่าง 0-5

นาทีที่ 52 ปีศาจแดง เกือบมาได้ประตูตีไข่แตก

จากจังหวะของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ วางบอลยาวจากวงกลมกลางสนามขึ้นมาให้ โรนัลโด้ หลุดขึ้นมาทางฝั่งขวากระชากบอลหนี เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ก่อนจะซัดบอลโค้งตุงตาข่ายที่เสาไกลเข้าไปไม่เหลือ แต่ วีเออาร์ ยืนยันว่า โรนัลโด้ ล้ำหน้าไปก่อนแล้ว

นาทีที่ 59 ผีแดง สถานการณ์ย่ำแย่ลงไปอีก

จากจังหวะของ พอล ป็อกบา ไปเปิดปุ่มยันใส่ข้อเท้าขวาของ เกอิต้า ผู้ตัดสินเป่าฟาล์วก่อนจะใบเหลืองทันที แต่ผู้ตัดสินได้รับสัญญาณให้ออกไปเช็ควีเออาร์ และเปลี่ยนมาแจกใบแดงโดยตรงทันที ผู้ตัดสินมองว่าเป็นจังหวะเข้าบอลอันตราย แมนยู เหลือ 10 คน

นาทีที่ 83 แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ยอมแพ้พยายามเจาะเข้าทำ

จากจังหวะลูกฟรีคิกทางฝั่งขวาของ ลุค ชอว์ เปิดบอลเข้ากลางไปให้ แม็คโทมิเนย์ โหม่งตั้งมาให้ คาวานี่ เข้าซัดจ่อ ๆ แต่บอลก็ยังไปติดขา แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ลอยไปชนคานพล่ดโอกาสตีเสมอไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 85 แมนยูโหมบุกกดดันเข้าใส่

จากจังหวะของ อาร่อน วาน บิสซาก้า พาบอลลุยขึ้นมาทางฝั่งขวาก่อนจะเปิดบอลเข้ากลางมาให้ เอดินสัน คาวานี่ ได้ขึ้นโหม่งเน้น ๆ บอลพุ่งหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย

จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านแพ้ให้ ลิเวอร์พูล ไปถึง 0-5 เปอร์เซ็นต์การครองบอลเป็นทางฝั่งทีมเยือนที่ครองบอลและสร้างโอกาสเข้าทำได้ดุดันกว่า จนสามารถเอาชนะไปได้ไม่ยากและน่าจะทำให้ โซลชา ใกล้โดนปลดเต็มที ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล มี 21 คะแนน อยู่อันดับที่ 2 และทางด้าน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มี 14 คะแนน อยู่อันดับที่ 7